หมายเหตุ ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการโอน, ค่าอากร, ค่าภาษี, และค่าปรับ ตลอดจนค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ( ถ้ามี ) แต่เพียงผู้เดียว
สำหรับผู้ที่ประมูลได้ ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับบริษัทฯ ในการประมูลรถยนต์คันละ 10,700 บาท ( รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว )
การดูแลรักษารถมือสองหลังการประมูลรถยนต์
1. ควรนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้ายใหม่
2. เปลียนไส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยก็จะเป็นการดีและปลอดภัยที่สุด
3. ตรวจสอบอายุการใช้งานสายพานไทมิ่ง โดยอาจจะสังเกตจากสติ๊กเกอร์ที่แปะไว้ตรงฝาครอบสายพานไทมิ่งหน้าเครื่อง จะบันทึกวันเดือนปีและเลขกิโลที่เปลี่ยนสวยพาสครั้งสุดท้ายไว้ แต่ถ้าบางคันไม่มีและผู้ขายรถใหม่ไม่ทราบ ก็ควรเปลี่ยนใหม่จะดีกว่า เพราะถ้าเกิดสายพานไทมิ่งขาดอาจทำให้วาล์ว ฝาสูบ หรือลูกสูบชำรุดได้ จะเสียเงินค่าซ่อมเครื่องมากกว่าเดิมหลายเท่าได้ ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วสายพานไทมิ่งหรือสายพานราวลิ้นนี้จะเปลี่ยนกันทุกๆ 50,000 - 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่รุ่นของเครื่อง จากนั้นทำการเช็คระบบเบรคว่าผ้าเบรคเหลือมากน้อยแค่ไหน ถ้าเหลือน้อยมากควรเปลี่ยนใหม่
4. ตรวจเช็คตามระยะ เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ ระยะทาง 5,000 - 10,000 กม. ขึ้นอยู่กับการใช้งานและชนิดน้ำมันเครื่องที่ใช้ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และเฟืองท้ายทุกๆ ระยะทาง 20,000 กม. ตรวจเช็คผ้าเบรคทุกๆ 10,000 กม. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคปีละ 1 ครั้ง เพราะจะทำให้เบรคมีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ จูนอัพเครื่องยนต์ทุกๆ 10,000 กม. ตรวจเช็คช่วงล่างทุกๆ 25,000 กม. และเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำทุกๆ 3 เดือน
สากลกการประมูล ขอแนะนำการเลือกซื้อรถยนต์มือสองในเบื้องต้น
1. ดูกันตั้งแต่จอดอยู่ไกลๆ ซักราวๆ 5 – 3 เมตร ดูรูปทรงของตัวรถทั้งหมด ว่ามีการเอียงหรือไม่ เช่น
2. สีรถ ดูระยะเริ่มใกล้ ราวๆ 1- 3 เมตร ดูสีรถรอบคัน ว่ามีส่วนไหนที่ทำสีมาแล้วบ้าง สังเกตุสีที่แตกต่าง ความเรียบของผิวรถ ตำหนิต่างๆเกี่ยวกับสี หรือว่าเคยทำสีมาทั้งคัน ถ้าทำสีมาทั้งคันแล้วต้องดุให้ดีนะค่ะ ต้องสันนิฐานว่าทำสีทั้งคันเพราะอะไร เจ้าของเดิมเบื่อไม่ชอบสีเดิม สีซีดแล้วไม่สวย เกิดอุบัติเหตุทุกที่ หรือรุนแรงจนอู่ต้องตัดสินใจทำสีใหม่ทั้งคัน
3. เคาะฟังเสียง โดยการแอบไล่เคาะรถบางส่วนหรือรอบคันเพื่อฟังเสียง รถที่ทำสีแล้วมักจะมีการโป๊ว การโป๊วหนาย่อมหมายถึงอุบัติเหตุมาก เราสามารถเคาะดูเสียงที่แตกต่างกันได้ โดยการไล่เคาะฟังเสียงไปทั้งๆ คัน
4. คานหน้ารถ ต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถดูว่า คานหน้าที่ยึดหม้อน้ำว่ามีการทำสีมาหรือไม่ มีการโป๊วสี หรือซ่อมมาอย่างไร สังเกตจากรูน็อตต่างๆ ต้องยังกลม และหมายเลขหน้ารถต้องยังชัดเจน หรือแผ่นเพทต้องไม่เคยชำรุด ทั้งคานบนล่างต้องได้รูป
5. ภายในห้องเครื่อง ว่ามีการทำสีมาแล้วหรื่อไม่ สังเกตรูปทรงต่างๆ ต้องจับผิดทุกจุด ทั้งรูน็อตต่างๆ รูปทรงต่างๆว่าต่างจากของโรงงานมาอย่างไร
6. ภายในฝากระโปรงท้าย เปิดดูว่าคานยึดฝากระโปรงท้าย เบ้ายึดไฟท้าย ห้องเก็บยางอะไหล่ ว่ามีการทำสี เคาะ โป๊ว หรือ ตัดเชื่อมมาหรือไม่ ควรก้มดูด้านล่าง สังเกตหูลากรถ ว่าต่างจากของเดิมมาอย่างไร
7. ใต้ท้องรถ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมองข้ามกัน แต่ใต้ท้องรถบ่งบอกถึง การใช้งานแบบทุระกันดาร การตัดต่อตัวถัง การเสียรูปของตัวรถ ความผุของตัวถังที่มักเริ่มจากพื้นรถเป็นอันดับแรก สังเกตเฟรมใต้ท้อง ความบุบครูด สนิมที่เริ่มผุ หรือการแยกกันแล้วของตัวถังรถ
8. ภายในรถ ดูรถมาตั้งนานได้เปิดดูภายในกับเขาเสียที ไม่ใช่จะซื้อรถต้องเปิดดูภายในเป็นอันดับแรก มาดูว่าต้องดูอะไรบ้าง
9. เครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน สังเกตหาการซ่อมแซม สตารท์เครื่องฝังเสียง เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง แล้วสังเกตไอน้ำมันเครื่อง เสียงท่อไอเสีย ควันจากท่อ หรือถ้ามีบุ๊กเซอร์วิสติดมา จะเป็นการดีครับ รองเปิดดูประวัติการซ่อม และดูด้วยว่าต้องต้องตรงกับทะเบียนรถ และเลขไมล์ในตัวรถ
10. ช่วงล่าง และล้อยาง รองหมุนโยกพวงมาลัยแรงๆ แต่การรองขับขี่เป็นการดีที่สุด ทดสอบการเกาะถนนทางตรงและทางโค้ง ศูนย์ของรถต้องไม่กินซ้ายกินขวาต้องรองเลี้ยวกลับรถแบบสุดๆ ทั้งซ้ายและขวา การคืนพวงมาลัย ขึ้นเนินลูกระนาด หรือรองบนทางขรุขระ ทุกรูปแบบที่สามารถจะทดสอบได้
หมายเหตุ ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการโอน, ค่าอากร, ค่าภาษี, และค่าปรับ ตลอดจนค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ( ถ้ามี ) แต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นกรณีรถยนต์ของบุคคลทั่วไป ซึ่งผู้ขายจะรับผิดชอบค่าภาษี ประจำปี ส่วนที่ขาดและค่าแจ้งย้ายในกรณีที่แจ้งย้ายให้
สำหรับผู้ที่ประมุลได้ ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับบริษัทฯ ในการประมุลรถยนต์คันละ 10,700.- บาท ( รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว )
199 หมู่ 7 ตำบลบางคูวัด
อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี 12000
Tel : 02-832-4500 Fax : 02-8324555
ติดต่อ
สากลการประมูล